|
5/8/2018
|
|
|
13/7/2018
|
|
|
19/6/2018
|
|
|
17/6/2018
|
|
|
6/6/2018
|
|
|
28/3/2018
|
|
|
12/12/2017
|
|
|
22/11/2017
|
|
|
10/11/2017
|
|
|
29/10/2017
|
|
|
12/10/2017
|
|
|
6/10/2017
|
|
|
6/9/2017
|
|
|
17/4/2017
|
|
|
26/3/2017
|
|
|
21/3/2017
|
|
|
18/2/2017
|
|
|
12/2/2017
|
|
|
18/1/2017
|
|
|
9/1/2017
|
|
|
|
|
|
Kangi 24/06/2012 ตะลอนทัวร์ Numana-Monte Conero-Ancona
Saturday, 23 June 2012
Ancona , Italy อุณภูมิ 33 องศาเซลเซียส แดดจ้าตลอดทั้งวัน
เมื่อวานช่วงดึกบ้านเราทะเลาะกับเพื่อนบ้านชั้นบนอย่างรุนแรง เหตุเนื่องมาจากประมาณสามทุ่มกว่าๆ เพื่อนบ้านราดน้ำผสมสารเคมีรุนแรงลงมาใส่ระเบียงเราอย่างจัง กว่าที่รักจะออกไปเห็นน้ำก็เจิ่งนองทั่วระเบียง แต่ที่ทำให้เราโกรธแบบสุดๆ คือสารเคมีลงมาอยู่ในกระถางดอกไม้ต้นไม้ พวกที่ออกไปยกทันก็โดนไม่รุนแรง แต่พวกที่อยู่ริมๆ ระเบียง เรียกว่าไม่รอดแน่ๆ เพราะโดนเข้าอย่างจัง
ขนาดเาพูดดังๆ ว่าอย่าราดลงมาเพราะน้ำเข้ามาในระเบียงหมดเลย แต่ชีก็ยังราดลงมาแบบไม่หยุดหย่อนรวมๆ เกือบ 20 นาที จนที่รักทนไม่ไหว ขึ้นไปเคาะประตูเรียก บอกว่ารู้ไหมราดน้ำสารเคมีลงมาโดนระเบียงบ้านเรา ชีก็ตอบมาแบบกวนๆ ว่าสารเคมีหกใส่ระเบียงบ้านชี เลยต้องล้างแบบเอาน้ำราด ไม่มีการขอโทษขอโพยกันเลยสักนิด ที่รักทนไม่ไหวเลยด่าเข้าไป ชีก็ปิดประตูใส่หน้าที่รักดังโครม เราเห็นบบนั้นเลยด่าไปว่า Stronza กับ Fanculo สองคำนี้เรียกว่าคำว่าด่าหยาบคายของอิตาลีเลยล่ะ สามีชีได้ยินเลยด่าเรากลับออกมาจากในบ้าน เสียงดังมาก จนคนออกมาดูกันทั้งตึก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ครอบครัวนี้ทำกับบ้านเราแบบนี้ ตั้งแต่อยู่มาสามปีกว่าๆ ก็ทำมาตลอด ต้นไม้ดอกไม้เราตายไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แต่เราก็ไม่เคยเอาเรื่องหรือโกรธเคืองเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้รู้สึกว่ามันหนักเกินไป โดยเฉพาะเวลาดูผักที่เราปลูกไว้โดนสารเคมีเข้าอย่างจัง ผักบางอย่างกว่าเราจะปลูกให้โตได้ขนาดนี้ ต้องดูแลทะนุถนอมอย่างดี แต่ไม่ถึงหนึ่งนาที มีคนมาฆ่าให้มันตายอย่างง่ายดาย เสียใจก็ตรงนี้ล่ะ
ที่รักโกรธมากลงมาจากชั้นสามก้โทรหามามี๊ มามี๊ยิ่งโกรธหนักกว่าที่รักซะอีก ให้ที่รักโทรหาตำรวจแจ้งความปรากฎว่าตำรวจไม่รับแจ้ง ให้ไปติดต่อกับเจ้าของตึกเพื่อหาวิธีการแก้ไข สรุปคือวันจันทร์นี้เราสองคนจะเข้าไปคุยกับเจ้าของตึก ที่รักบอกว่าแค้นนี้ต้องชำระ จะไม่ปล่อยให้คนชั่วๆ ลอยนวลเด็ดขาด
เมื่อคืนเราเครียดมากๆ สงสารดอกไม้ต้นไม้ ขนาดพยายามเอาน้ำเปล่ามาราดลงไปบนต้นไม้ที่โดนสารเคมี แต่กลิ่นเหม็นของมันก็ยังตลบบอวลไปทั่วบ้าน เช้านี้เราเลยตื่นตั้งแต่ตีสี่ออกไปดูพืชผักที่โดนสารเคมี ปรากฎว่าเหี่ยวแห้งตายเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะดอกไม้กับผักไทยๆ ตายเกือบหมด ทำเอาเศร้าไปเลยทีเดียว ดีนะบางอย่างยังมีต้นกล้าสำรองอยู่บ้าง เมื่อเช้าเลยรีบเอาลงกระถาง โดนเฉพาะพริกขี้หนู เพราะกลัวจะโตไม่ทันกินก่อนถึงฤดูหนาว
ส่วนสายๆ เราสองคนเดินทางไปบ้านใหม่ของมามี๊เพื่อช่วยทำความสะอาดบ้าน มามี๊ก็เพิ่งจะได้บ้านใหม่ หลังจากทนกับพฤติกรรมของเพื่อนบ้านที่แอบมาขโมยไฟฟ้าสำหรับใช้งานไม่ไหว กว่าจะได้บ้านหลังใหม่ก็หากันสามปีเต็มๆ ตอนนี้มามี๊ได้บ้านใหม่เรียบร้อย ใหญ่โตและน่าอยู่มาก แต่ต้องทำความสะอาดกันเยอะมาก เนื่องจากไม่มีคนอาศัยมานาน
เราสองคนช่วยมามี๊ทำความสะอาดบ้านันจนเที่ยง มาถึงอาบแต่งตัวใหม่ ที่รักก็ชวนไปทาน Piada ที่ร้าน Lella ร้านดังประจำเมืองเรา ทานอาหารกันอิ่มก็บ่ายอ่อนๆ ที่รักบอกว่าเบื่อๆ เซ็งๆ เราไปขับรถเล่นกันดีกว่า ก็ไม่ได้วางแผนว่าจะไปไหนเป็นพิเศษ แค่ขับรถไปทางใต้ของเมืองเรา จริงๆ เรามีสถานที่อยู่ในใจ นั่นคือเมือง Numana เมืองเล็กๆ ติดริมทะเล แต่บรรยากาศดีมาก เมื่อสองปีก่อนที่รักเคยพาเราไปเที่ยวมาแล้วครั้งหนึ่ง ติดใจกับความสวยของสีน้ำทะเล กับชายหาดที่ดูสะอาดสะอ้าน ที่รักก็เห็นด้วย เลยเดินทางไปที่นี่กัน จากบ้านเราก้แค่ 140 กิโลเมตรเท่านั้นเรียกว่าไม่ไกลเลย ขับกันไปเรื่อยๆ ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึง Numana
บรรยากาศริมชายหาด
น้ำทะเลสีสวยดั่งมรกต
 มีแต่เราล่ะที่ไม่ได้ใส่บิกินี่
 ท่าเทียบเรือสำหรับบริการให้เช่า
 อยากมีเป็นของตัวเองสักลำ
เสียดายวันนี้โชคไม่ค่อยดี เราสองคนวนหาที่จอดรถกันหลายรอบ แต่ก็หาไม่ได้ เลยอดถ่ายรูปบรรยากาศริมชายหาดของเมือง Numana มาฝากกันเหมือนทุกครั้ง แต่มาที่นี่ทีไรก็ไม่เคยผิดหวังแม้แต่ครั้งเดียว นั่งจิบคาปูชิโน่รับลมเย็นๆ เป็นอะไรที่เราสองคนชบมากๆ ช่วยคลายเครียดได้เยอะเลย
ออกจาก Numana ที่รักชวนไปชมวิวกันต่อที่ Monte Conero ขับรถขึ้นเขาลงเขาเลียบชายหาดกันไปเรื่อยๆ บางจุดก็จอดถ่ายรูปได้ แต่บางจุดสวยมากๆ แต่จอดรถไม่ได้นี่สิน่าเจ็บใจที่สุด ที่รักบอกมาขับรถเล่นชมวิวนะ ไม่ต้องคิดมากเรื่องการถ่ายรูป แค่เก็บไว้ในความทรงจำก็พอล่ะ
 วิวสวยๆ บนภูเขา
ขับรถมาได้ไม่นานเราสองคนก็มาถึง Monte Conero จอดรถตรงไหลทางแล้วเก็บภาพสวยๆ ได้มาเยอะเลย เสียดายตอนที่เราไปถึงเป็นช่วงย้อนแสง เลยได้ภาพมาไม่ค่อยสดใสนัก
 Monte Conero
 ย้อนแสงแล้วหน้ามืด
 ถ้าไม่ย้อนแสงจะเห็นว่าท้องฟ้าสดใสมากๆ
 ร้อนจนต้องถอดแจ็คแก็ต
 ที่รักซูมจนดูอืดไปเลย
 พอไม่ย้อนแสงดูสีของท้องฟ้าสิ
 ที่เดิมแต่ได้มาหลายรูป
ที่รักชอบบรรยากาศที่ Conero ที่สุด ถึงแม้อากาศจะร้อนอบอ้าว แต่ก็มีลมพัดเย็นๆ มากระทบผิวหนัง ช่วยให้คลายร้อนไปได้เยอะเลย แต่เรานี่สิเป็นคนที่เหงื่ออกง่ายอยู่แล้ว ไม่ทันไรเหงื่อโชกกันเลยทีเดียว
ขับรถออกจาก Conero ประมาณ 10 กิโลเมตรก็เข้าเขตเมือง Ancona เมืองนี้เราสองคนไปเที่ยวกันบ่อย แต่ก็ยังไม่เคยเบื่อนะ
 บรรยากาศยังดีอยู่ ถึงแม้จะใกล้ค่ำแล้วนะ
 ผ่านโบสถ์สวยๆ
 ยอดโดมสีเขียวเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ Ancona
 Duomo di Ancona
มาที่นี่ทีไรก็ไม่พลาดจะขึ้นไปชมวิวสวยๆ ของเมือง Ancona ที่จุดชมวิวบนภูเขา ไปรอบนี้ได้เห็นพระอาทิตย์กำลังจะตกดินซะด้วย เรียกว่าบรรยากาศดี โรแมนติกสุดๆ
 จากจุดชมวิว มองเห็นท่าเทียบเรือสำราญ
 ฝั่งนี้ก็มองเห็นทะเลอยู่ลิบๆ
 โบสถ์สวยๆ บนภูเขา
 ตากล้องบังคับให้ทำท่าน่าเกลียด
 นั่งบ้าง เพราะเดินจนเมื่อยล่ะ
 Kangi บนจุดชมวิวที่ Ancona เดินเล่นชมวิวกันไม่นาน พระอาทิตย์ก็เริ่มคล้อยต่ำลง เราเลยได้เห็นแสงอาทิตย์ะท้อนผิวน้ำ สวยงามประดุจเพชรระยิบระยับไปทั่วท้องทะเล ที่รักถึงกับบอกว่าให้ถ่ายรูปๆ เพราะชอบมากๆ
 ยามพระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลง
 สะท้อนผิวน้ำระยิบระยับสวยงามที่สุด
เกือบสามทุ่มเราสองคนก็เดินทางกลับมาถึงบ้าน เรียกว่าวันนี้ออกไปตะลอนกันทั้งวันจริงๆ ที่รักกลับมาถึงทานข้าวแล้วก็สลบไปเลย ส่วนเราได้ไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นจากไดอารี่ก่อนหน้าด้วยนะค่ะ ช่วงนี้อาจจะแวะไปเยี่ยมเพื่อนๆ ช้าบ้างไรบ้างอย่าว่ากันนะ แทบไม่ได้อยู่ติดบ้านเลยจ้า
|
New entry diary:
Old entry Diary:
|