Kangi 22/08/2012 เที่ยวเวนิส (Venezia, Italy)
Sunday, 19 August 2012
Venice,Italy อุณภูมิ 31 องศาเซลเซียส แดดจ้าและอากาศร้อนอบอ้าว
วันอาทิตย์เราสองคนแพลนกันว่าจะเดินทางไปเที่ยวเมืองเวโรน่า จากนั้นจะขับรถไปเที่ยวเล่นกินลมชมวิวที่ทะเลสาปการ์ด้ากันต่อ แต่หลังจากขึ้นมอเตอร์เวย์ไปได้ไม่ถึง 500 เมตร ปรากฎว่ารถติดอย่างหนัก เรียกว่าแทบไม่เคลื่อนเลยล่ะ จริงๆ พอรู้จากรายข่าวมาบ้างว่าช่วงนี้ให้พยายามหลีกเลี่ยงมอเตอร์เวย์ เนื่องจากป็นสัปดาห์สุดท้ายในช่วงฤดูร้อน จากนั้นต้นเดือนกันยายนผู้คนก็จะต้องกลับไปทำงาน เด็กๆ ก็ใกล้จะเปิดเทอม ช่วงนี้นักท่องเที่ยวทั่วอิตาลีเลยแน่นขนัด ตอนแรกเราสองคนไม่คิดว่าจะติดหนักขนาดนี้ สุดท้ายเลยเลือกลงที่ด่านใกล้ๆ คือ Rimini Nord แต่แค่ระยะทาง 10 กิโลเมตร เราสองคนถึงกับติดอยู่บนมอเตอร์เวย์เกิน 1 ชั่วโมง แถมลงจากมอเตอร์เวย์ยังมาติดแหง็กอยู่ทางเข้าเมืองเราอีก กว่าจะผ่านวงเวียนขนาดใหญ่ เพื่อมุ่งหน้าไปเส้นทางเวนิได้ใช้เวลารวมๆ เกือบ 3 ชั่วโมง
ตอนแรกที่รักชวนไปเที่ยวทานอาหารทะเลที่ Chioogia เมืองใกล้ๆ เวนิสที่เราสองคนเพิ่งไปมาไม่นานเพราะติดใจหลายๆ อย่างที่นั่น แต่เราเห็นว่ามันไม่ไกลจากเวนิสมากนัก เลยชวนที่รักไปเที่ยวเวนิสดีกว่า กว่าจะไปถึงเวนิสก็ปาไปบ่าย 2 พอดิบพอดี โชคดีหน่อยที่หาที่จอดรถได้ ปกติไปสายขนาดนี้ในช่วงซัมเมอร์โอกาสน้อยที่จะหาที่จอดรถเจอ อย่างน้อยๆ ก็ต้องวนหาอยู่หลายรอบล่ะ
มาเวนิสทีไรเราสองคนเลือกที่จะมาขึ้นเรือที่ Piazzale Roma ตลอด เพราะเป็นสถานที่ที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถต่อรถบัสไปยังเส้นทางต่างๆ อีกอย่างไม่ห่างจาก Piazza San Marco มากนัก นั่งเรือค่ 5-6 ท่าก็ถึงแล้วล่ะ
 คาสิโน
มาเวนิสรอบนี้โชคไม่ค่อยดี นักท่องเที่ยวเยอะมาก หลังจากลงเรือเพื่อไปยัง Piazza San Marco ไม่สามารถหาที่นั่งติดริมหน้าต่างได้ แถมต้องยืนอีกต่างหาก วันนี้เลยแทบไม่ได้ถ่ายรูปบรรยากาศสองข้างทางระหว่างล่องเรือเหมือนทุกครั้ง จำได้ว่าสองดือนก่อนมาเวนิสเพื่อเจอน้องใหม่กับเทรุ ช่วงนั้นนักท่องเที่ยวไม่เยอะขนาดนี้ ขึ้นเรือก็สะดวกสบายมีที่นั่ง อยากถ่ายรูปก็ได้ถ่าย
 ใกล้จะถึง Piazza San Marco ล่ะ
 กอนโดล่ายังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว
เนื่องจากวันนี้นักท่องเที่ยวและผู้โดยสารเยอะมาก กว่าจะมาถึงท่าเทียบเรือ Piazza San Marco ใช้เวลานานพอสมควรเชียวล่ะ กว่าผู้โดยสารจะขึ้นจะลง ไหนจะกระเป๋าหนัก รถเข็นเด็ก สารพัดสารเพ แถมอากาศก็ร้อนอบอ้าวแบบสุดๆ ทำเอาเราเหงื่อโชกไปทั้งตัวเลยทีเดียว ถึงแม้บนเรือจะมีลมพัดผ่านเบาๆ แต่ก็ยังรู้สึกว่าอากาศร้อนมากมาย


มาเวนิสรอบนี้ก็ไม่ได้ใช้บริการนั่งเรือกอนโดล่าเหมือนเดิมล่ะ เพราะในความรู้สึกค่าโดยสารแพงมาก 20 นาที 100 ยูโร สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้มาบ่อยนัก อาจจะคิดว่าถ้าไม่ได้นั่งเรือกอนโดล่า เหมือนมาไม่ถึงเวนิส แต่สำหรับคนอิตาลีหรือคนในพื้นที่เรือกอนโดล่า ก็แค่ธุรกิจหนึ่งที่ทำรายได้มหาศาลให้กับเวนิสนั่นเอง ทุกครั้งที่มาเที่ยวเวนิส เราไม่ได้รู้สึกอยากนั่งเรือกอนโดล่าเลยสักนิด ไม่ได้งกนะ แต่รู้สึกว่าเงิน 100 ยูโร สามารถเป็นค่าน้ำมันเบนซิน พาเราไปเที่ยวเมืองอื่นได้อย่างสบาย
 ถ่ายรูปคู่ก็พอใจล่ะ
 กอนโดล่าสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเวนิส
ลงจากเรือปุ๊ปก็เดินผ่าน Bridge od Sighs หรือสะพานแห่งลมหายใจ หนึ่งในสะพานที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเวนิส สะพานแห่งนี้มาทีไรผู้คนก็ล้นหลามเช่นทุกครั้ง ไม่เว้นแม้แต่เราสองคนมาทีไร ก็ต้องแวะมาที่นี่เช่นกัน ชอบเดินขึ้นไปบนสะพานแล้วมองเรือกอนโดล่าที่ลอดผ่านสะพานนี้
 ด้านหน้าสะพานแห่งลมหายใจ
 เรือกอนโดล่ากำลังจะลอดผ่านสะพานแห่งลมหายใจล่ะ
 บอกให้ที่รักถ่ายรูปตอนเรือกอนโดล่าลอดผ่านได้มาแค่นี้ล่ะ
 วิวสวยๆ จากบนสะพานแห่งลมหายใจ
ด้วยความที่วันนี้อากาศร้อนมาก เราสองคนต้องแวะซื้อน้ำดื่มกันหลายรอบเลยทีเดียว ส่วนที่รักก็ยังติดคาปูชิโน่หนึบหนับ เรียกว่าห่างกันไม่ได้เลยสักนิด เลยชวนกันไปดื่มคาปูชิโน่ร้านเดิมที่เคยไปกับน้องใหม่ เพาะเห็นว่าวันนั้นราคาค่อนข้างถูกมากเมื่อเทียบกับหลายร้านที่เราเคยดื่มกันมา แต่ผิดคาดมารอบนี้ราคาเมื่อ 2 เดือนก่อนหายไปแล้ว รอบนี้ราคาสูงขึ้นถึง 2 เท่าตัวเลยทีเดียว ที่รู้สึกแย่มากๆ ก็คือน้ำจอกเล็กๆ แค่จิบก็ครั้งเดียวก็หมด ราคา 1.50 ยูโร จะขูดเลือดขูดเนื้อกันไปถึงไหน รู้ว่าสถานที่ท่องเที่ยว แต่ก็ไม่เคยเจอราคาแพงขนาดนี้มาก่อน ออกจากร้านกาแฟแบบเสียอารมณ์มากๆ บอกที่รักว่าต่อไปขอซื้อน้ำดื่มขวดละครึ่งลิตร ตามร้านทั่วไปมาดื่มดีกว่า เพราะราคาไม่แตกต่างกันเลยสักนิด แม้จะแพงกว่าราคาทั่วไปที่ขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตถึงเกือบสิบเท่าก็ตาม ข้อเสียของการมาเที่ยวเวนิสช่วงซัมเมอร์ก็อยู่ตรงนี้ล่ะ อะไรๆ ก็แพงกว่าเดิมหลายเท่า

ไหนๆ มาเที่ยวก็ทำใจให้สบาย เดินเล่นกันต่อดีกว่า ดีหน่อยมาเวนิสรอบนี้เราสองคนเน้นเดินเล่นชมวิว ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากมาย เพราะปีนี้มาเที่ยวเวนิสหลายครั้งเหลือเกิน แถมล่าสุดก็เมื่อสองเดือนก่อนนี่เอง หอคอยเราก็ขึ้นมาหมดแล้ว เลยไม่ต้องรีบร้อนไปต่อแถวเหมือนนักท่องเที่ยวท่านอื่นๆ แต่อากาศร้อนนี่สิ ทำเอาเราเหงื่อตกตลอดเวลา ถึงแม้เวนิสจะอยู่กลางทะเล แต่ก็ยังรู้สึกว่าร้อนอบอ้าวกว่าเมืองที่เราอยู่อีกแน่ะ
.JPG) Piazza San Marco
 นักพิราบที่ Piazza San Marco ยังเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวเสมอ
 ร้อนขนาดไหนก็ยังยิ้มได้อยู่
ช่วงที่เราสองคนเดินมาถึง Piazza San Marco เป็นช่วงบ่ายอ่อนๆ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะทานอาหารเที่ยงกันอยู่ ร้านค้าร้านอาหารเต็มไปด้วยลูกค้า เลเป็นโอกาสทองของเราสองคนที่ได้มีโอกาสเดินเล่นที่ Piazza San Marco แบบสบายๆ เพราะเราสองคนทานอาหารกันมาบนรถตลอดทาง ทำให้ไม่ต้องมานั่งเสียเวลาทานอาหารที่นี่ อีกอย่างหลังจากสำรวจแต่ละร้านพาสต้าแสนธรรมดาอย่างต่ำจานละ 25 ยูโร เรียกว่าทานกันไม่ลงเลยทีเดียว แต่ถ้าหิวก็คงต้องจำใจทานล่ะ ดีนะที่อิ่มมาแล้ว ไม่งั้นคงต้องรู้สึกเสียดายเงินอีกแน่ๆ
.JPG) โล่งสบายตาไปเยอะเลย
.JPG) ตากแดดเยอะเลยได้สีผิวแบบนี้มา

 โพสท่าไปเรื่อย
 Duomo
 ยอดโดมด้านบน
 นกพิราบมีทุกหนแห่งจริงๆ นะ


เดินเล่นกันอยู่นานจนเกือบเย็นก็ชวนกันมาขึ้นเรือ ที่ท่าเทียบเรือ Piazza San Marco ไปยัง Piazzale Roma เพื่อเดินทางกลับบ้าน รอบนี้แย่มากๆ ผู้โดยสารเยอะจนเกือบล้น เรียกว่าไม่มีที่ยืนที่เดินกันเลยทีเดียว เรากับที่รักโดยนักท่องเที่ยวเหยียบเท้าจนร้องโอ๊ยไปหลายรอบ แถมไม่มีการขอโทษด้วยนะ ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มารยาทยอดแย่แบบสุดๆ ขนาดที่นั่งของเด็กยังพากันไปนั่งจนล้น ให้เด็กตัวเล็กๆ ยืนกันตรงกลางลำเรือ เรือก็โคลงไปโคลงมา ที่รักนี่กลัวเรือล่มแบบสุดๆ เพราะรู้สึกว่าผู้โดยสารเยอะเกินไป กลัวเรือรับน้ำหนักไม่ไหว

ตอนแรกตั้งใจว่าจะกลับบ้านล่ะ แต่พอนั่งเรือผ่านท่าเทียบเรือ Ferrovia เป็นท่าเทียบเรือ ที่อยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟ ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือที่สำคัญของเมืองเวนิสอีกแห่งหนึ่ง บรรยากาศด้านหน้าสวยและอากาศกำลังดี เลยชวนที่รักลงเรือที่นี่ พากันไปเดินเล่น ชมวิวสวยๆ ยามเย็นอีกเล็กน้อย
 สะพานข้ามฟากที่ท่าเทียบเรือ Ferrovia
.JPG) สะพานแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสะพานที่สำคัญของเมืองเวนิส
.JPG)
.JPG)
เกือบทุ่มก็ต่อเรือกันมาที่ท่าเทียบเรือ Piazzale Roma สถานที่ที่เราสองคนจอดรถกัน
.JPG) วิวสวยๆ จากบนสะพานที่ Piazzale Roma
กว่าจะเดินทางกลับถึงบ้านก็ปาไปสี่ทุ่ม รถติดบ้างเป็นบางช่วง แต่ก็ไม่หนักเท่าขามา แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยได้กลับมาเยือนเมืองเวนิสอีกครั้ง ถึงแม้อาจจะนับครั้งไม่ถ้วนที่เราสองคนมีโอกาสมาที่นี่ แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่าเบื่อกับการมาเที่ยวเวนิสนะ และคิดว่าคงมีโอกาสมาเที่ยวอีกหลายๆ รอบเลยล่ะ อย่างน้อยก็ปีละครั้งสองครั้งแน่นอน แต่ปีนี้ที่รักบอกว่าขอพักเวนิสไว้ก่อนนะ อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเมืองอื่นบ้างแล้วล่ะ
|