maita 01/03/2010 อดอดอยากอยากที่ภาคอีสาน
ตอนเด็กเด็กรู้สึกว่าอดอดอยากอยากยังงัยก็ไม่รู้นะ ไม่ค่อยมีอะไรกิน จำได้ว่าบางครั้งก็กินข้าวกับมะขามหวานบ้าง แตงโมบ้าง ข้าวโรยเกลือก็กินนะ ข้าวกับน้ำปลาพริกด้วย (พริกป่นกับน้ำปลา) แต่พอนึกไปนึกมาของกินมันเยอะมากเลยนะ แต่ที่กินข้าวกับมะขามหวานบ้าง แตงโมบ้างเพราะมันเป็นมื้อพิเศษ (นอกเหนือจากมื้อเช้า กลางวัน เย็น ) เด็ก ๆ หลังจากไปวิ่งเล่นมาก็จะหิวก็เลยหาอะไรกินรองท้องก่อน เพราะรอไม่ไหว
ส่วนมากอาหารที่กินก็จะมากจาก ห้วย หนอง คลอง บึง ภูเขา ป่าชายทุ่ง แล้วก็จากทุ่งนานั้นแหล่ะ เริ่มจากไหนก่อนดีเนี่ย ทุ่งนานั้นแหล่ะ .... หน้าฝนก่อนเลยแล้วกัน พอฝนเริ่มตกอาหารการกินก็จะอุดมสมบูรณ์ หลังฝนตก หรือบางทีฝนยังไม่หยุดหรอก เด็กๆ ได้ถังก็วิ่งลงทุ่งนากัน ... ถ้าฝนตกไม่หนักมากก็จะไม่มีน้ำขังก็จะวิ่งไล่จับตั๊กแตน เพราะตั๊กแตนโดนฝนจะบินไม่ค่อยได้ ตั๊กแตนโชคร้ายก็จะหลายเป็นอาหาร ... ทำอะไรได้บ้างหนอตั๊กแตนเนี่ย ... คั่วใส่เกลือ ... ( สมัยก่อนเขาไม่ทอดตั๊กแตนกันนะ เปลืองน้ำมันหมู )

ยิ่งตัวไหนมีไข่เต็มท้องจะอร่อยมากกก
หรือถ้าไม่คั่วใส่เกลือก็จะเป็น แกงใส่หน้อไม้ส้ม (หน้อไม้ดอง)

ก่อนแกงก็ต้องเด็ดปีก เด็ดขา เด็ดหัว อีตอนเด็ดหัวนี้ต้องระวัง ดึงแรงไม่ได้นะ ต้องเบาเบาเพราะใส้จีงจะหลุดออกมาด้วย (ขี้อยู่ในใส้ก็จะออกมาด้วย อิอิอิ) แกงส่วนมากในภาคอีสานเขาจะใส่ปลาร้า แต่แกงหน้อไม่ส้มเขาจะไม่ใส่กันนะ ทำง่ายมากโขกพริกใส่ตะไคร้ ใส่เกลือนิดหน่อย ตอนใกล้จะสุกก็จะโยนผักอีตู่ลงไป แล้วก็เป็นอันว่ากินได้
ฝนตกหนักมีน้ำขัง ก็จะไปจับปู จับหอยนา หาหอยขม

หน้าตาปูนา ทำอาหารได้หลายอย่างมาก ทำปูจี่ ... อธิบายศัพท์เทคนิคก่อน ..จี่คือเอาโยนใส่ไฟ .. พอต้วปูเป็นสีเหลืองก็เป็นอันว่าสุกหาไม้เขี่ยออกจากไฟได้เลย ข้าวเหนียวจิ้มมันปูก็อร่อยนะ หรือไม่ก็แกะปูหลายๆตัวแล้วก็เขี่ยมันปูใส่ในกระดองเดียวแล้วก็ค่อยๆวางบนไฟ ใส่ใบผักอีตู่ลงไปใบสองใบ สุกแล้วข้าวเหนียวจิ้ม ...
หรือไม่ก็แกะเอาอกปูแกงใส่หน้อไม้ส้ม ... หรือไม่ก็เอาปูไปตำคั้นเอาแต่น้ำ เอาไปแกงใส่ผักขม .... เป็นเมนูที่ไม่ชอบมากมาก แม่ทำเมนูนี้เมื่อไหร่ งอนไม่กินข้าวกินปลา แม่ก็จะอนุญาตให้ไปเอาไข่ไก่มาต้มกินได้ (เป็นไปตามแผน อิอิอิ) หรือไม่ก็ป่นปู อธิบายศัพท์ก่อน ป่นคือทำเป็นน้ำพริก
หน้าตาก็จะเป็นประมาณนี้แล

อัพยังไม่เสร็จน้องมีนจะรีบเม้นไปไหนเนี่ย อิอิอิอิอิ..... (พี่ไมตาลืมไปว่า....ตอนนี้มีการแข่งเม้นชิงแชมป์โลก๕๕๕๕๕๕.)...... ฝากบอกเพื่อนคุณจีแล้วก็ท่านอื่นๆที่สงสัยว่าทำไมคนอีสานจึงกินตั๊กแตน แล้วก็แมลงอื่นๆด้วยนะว่า.......ถ้าอยู่อีสานแต่จะไปกินสเต็ก กินไข่ปลาคาเวียร์ ปลาแชลมอน ก็คงอดตายตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้วน้องมีนเอ้ย ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
ต่อต่อ ถึงไหนแล้วนี้ โอเคถึงหอยนาแล้ว ... หอยนาทำอะไรได้บ้างเนี่ย ... ต้มกินกับส้มตำแหล่ะ หรือไม่ก็ทำลาบ

มีลาบแบบสุกกับแบบดิบด้วยนะ แต่อีนางบ้านนากินแบบสุกค่ะ สมัยนั้นครู(ประถม)จะบอกทุกวันว่าให้กินอาหารที่ปรุงสุกนะเพราะคนอีสานจะเป็นโรคพยาธิใบไม้ในตับเยอะ (ตายด้วยโรคนี้ก็เยอะ) ครูสั่งด้วยนะว่าให้บอกพ่อกับแม่ด้วย .... คนแก่แก่คงเชื่อหรอก เคยกินยังงัยก็อย่างนั้นแหล่ะ เปลี่ยนไม่ได้หรอก ...
หอยขม ... แกงหอยขมใส่ผักอีเลิด ใส่ข้าวเบีย หรือไม่ก็ข้าวคั่ว ... ศัพท์เทคนิคเยอะมากเลย เริ่มขี้เกียจแปลแล้วนะ ๕๕๕๕๕๕

หรือไม่ก็แกงขี้เหล็กใบยานางใส่หอยขม

..........................
นอกจากนี้แล้วก็จะมีสารพัดเห็ด
เริ่มต้นด้วยเห็ดฟาง

กองฟางเป็นสนามเด็กเล่นของเด็กๆ ด้วยนะ ก็จะตีหลังกา ทำสะพานโค้ง เล่นตำรวจจับโจร วิ่งไล่ ก็เล่นได้ แต่ขอบอกว่าเวลาอาบน้ำทั้งแสบทั้งคันเพราะฟางข้าวจะมี"คายข้าว" ภาคกลางเรียกอะไรหว่า จำบ่ ได้ อิอิอิอิอิ ฝนตกบ่อยๆฟางเริ่มเน่าก็จะได้กินเห็ดฟาง

สารพัดเมนูเลยนะเห็ดฟางเนี่ย
แกงใส่ผักหวานป่า

แกงใส่ผักอีตู่ 
ซุปเห็ดฟาง

แล้วก็ยังมีเห็ดอื่นๆอีกมากมายก่ายกอง
เห็ดปลวก

เห็ดน้ำหมาก

เห็ดผึ่ง

เห็ดตะไคล

เห็ดมันปู

เห็ดระโงก

เห็ดกระด้าง

นอกจากเห็ดที่ว่ามาแล้วก็มีเห็ดอื่นๆ อีกเยอะแยะ
..........................
ต่อไปลงสระดีกว่าอากาศร้อน ๆ....... ตอนเด็กๆจะชอบแอบแม่ไปเล่นน้ำในสระบัวมาก เล่นน้ำจนตาแดง ... เกือบจมน้ำตายก็หลายครั้ง ... มีครั้งหนึ่งจำได้ไม่เคยลืม แอบแม่ไปเล่นน้ำกับพี่สาว .... ได้ยินเสียงแม่มาแต่ไกล ... แม่ไม่ได้มาตัวเปล่า...แต่มาพร้อมไม้เรียว .... วิ่งกันป่าราบเลยแหล่ะ พี่สาววิ่งนำหน้า ... ถ้าเป็นชิงแชมป์โลกก็ได้เหรียญทองไปแล้ว ... ข้อยก็วิ่งตามพี่สาวสิ แม่ถือไม้เรียววิ่งตาม ....... พอไปถึงลวดหนามพี่สาวก็กระโดดข้ามไป ... ผ่านค่ะ ...

แต่น้องนี้สิ ปกติก็เป็นเด็กขี้กลัวอยู่แล้ว ก็สองจิตสองใจ จะกระโดดข้ามไปเหมือนพี่สาวดีหรือจะคลานลอดไป ยึกยึกยักยัก แล้วก็ตัดสินใจกระโดด .... มันไม่พ้นค่ะ ลวดหนามเกียวหัวเข่าเป็นแผล....เเม่เห็นแล้วว่าลวดหนามเกี่ยวหัวเข่าลูก แต่ลูกมันก็ไม่หยุดนะ วิ่งตามพี่สาวไป พี่สาวก็ไม่ได้สนใจน้องเลย .....มัวหลับหูหลับตาวิ่งแบบไม่คิดชีวิต 55555555
แม่ก็ตะโกนบอกให้หยุดเพราะเห็นเลือดออกตามทางแล้ว อีตอนนั้นก็ไม่เจ็บหรอกเพราะกลัวแม่ตี มีตะโกนบอกแม่ด้วยนะว่าก็แม่จะตีไม่หยุดหรอก ... จนแม่บอกว่าไม่ตีแล้วหยุดให้แม่ดูแผลก่อน ก็ถึงยอมหยุดเลือดก็ไหลอาบขาเลยแหล่ะ อย่าได้คิดว่าแม่จะพาไปหาหมอ แม่ก็เคี้ยวๆใบสาบเสือดโป๊ะแผลให้เป็นอันเสร็จพิธี
หน้าตาใบสาบเสือ

วีระกรรมเลือดตกยางออกไม่ได้หมดแค่นั้น .... มีอีก ... เหตุเกิดตอนหน้าเกี่ยวข้าว ... พ่อก็จะไปนาแต่เช้า จะไปมัดข้าวที่เกี่ยวไว้เป็นมัดมัด

...แม่ก็จะหุงข้าวทำกับข้าวเสร็จก็จะหาบไปทุ่งนา ... ไปกินข้าวเช้ากันที่ทุ่งนา ... กินข้าวเช้าเสร็จก็จะเกี่ยวข้าวถึงเที่ยงก็กินข้าวมื้อกลางวัน ... ช่วงบ่ายก็จะหาบข้าวขึ้นลาน .... ปัญหาก็เกิดในช่วงบ่ายนี้แหล่ะ ... สองสีพี่น้องคิดว่าตัวเองเป็นนักร้อง ก็แย้งไมโครโฟนกัน ... ไมโครโฟนที่ว่าก็คือ ฝักบัวรดน้ำสังกะสี

ถอดเอาฝักบัวมาเล่นกันงัย ... ก็แย้งกันไปแย้งกันมา ... ฝักบัวก็ตกมาอยู่ในมือนางเอก ... นางร้าย(พี่สาว) โมโหกดหัวนางเอกใส่ฝักบัว ฝักบัวตรงขอบจะคมมาก พอนางร้ายกดหัวนางเอกลงไปหน้าผากก็ไปถูกกับตรงที่คมคม ... เลือดนางเองก็ไหลสิ ....
นางเอกก็ร้องไห้ .. ตามธรรมดานางเอกค่ะ ร้องไห้เบาเบา ไม่โวยวาย....
พ่อแม่ก็ไม่สนใจหรอกเพราะลูกคนนี้มันร้องไห้ตลอด เป็นเรื่องธรรมดา .5555555555..
นางร้ายพอเห็นเลือด......ก็วิ่งไปตั้งหลักที่คันนาอันไกลโพ้น ....
น้องชาย(ตอนนั้นมีน้องแล้ว)หันมาเห็นพี่สาวเลือดไหล วิ่งตามพี่สาวคนโตไป 555555555
...... พ่อแม่ก็เอะใจทำไมร้องไม่หยุดสักที แล้วสองคนวิ่งหนีไปทำไม
คนโตวิ่งหนีก็เข้าใจเพราะทำน้องร้องไห้ แต่น้องวิ่งตามไปทำไม
พ่อแม่ก็หันมาดู นางเอกเลือดไหลอาบหน้าอาบตาลงมา คือมันนานมาก อิอิอิอิ
แม่ก็ตกใจคิดว่าลูกตาบอดแล้วแน่แน่ 55555
บ่ายนั้นพ่อก็ไม่ได้ทำงานเพราะต้องพาลูกสาวไปหาหมอ
เย็บไปกี่เข็มจำไม่ได้ รู้แต่ว่าเจ็บมาก ... แผลเป็นยังอยู่จนทุกวันนี้

วีระกรรมโหดมันฮายังไม่หมดแต่คนเขียนหมดแรง ๕๕๕๕๕
น้องมีนเม้นไปสองรอบแล้วยังไม่จบ อิอิอิอิ ..... น้องหลิวพี่ว่าเมนูที่เหมาะสำหรับคุณจีน่าจะเป็นหมกไข่ปลานะพี่ว่า
ปล. ภาพทั้งหมดมาจาก google ค่ะ ขอให้เจ้าของภาพจงเจริญ อิอิอิ
edit ของแถม พาเพื่อนไปเที่ยวบ้านปี 07



|